ข่าว/ความเคลื่อนไหว
รมช.สาธารณสุข “เดชอิศม์” เปิดเวทีประชุมวิชาการ สวรส. ประจำปี 2568 ย้ำใช้งานวิจัยนวัตกรรม-เทคโนโลยี สู่การสร้างระบบสุขภาพไทยที่เข้มแข็ง มุ่งแก้ไขปัญหา-ฝ่าความท้าทายสถานการณ์โรค NCDs - สังคมสูงวัย - โรคอุบัติใหม่ ด้านวงถกเห็นพ้อง ไทยต้องมุ่งให้น้ำหนักงบประมาณและงานวิจัย สู่การสร้างนวัตกรรมของประเทศ
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ปี 2568 “นวัตกรรมเพื่อระบบสุขภาพไทยที่เข้มแข็ง” (Innovations for the Resilient Thai Health System) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 - 29 พ.ค. 2568 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยภายในงานมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้หลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ การจัดแสดงวิจัยนวัตกรรมจากงานวิจัย อาทิ นวัตกรรมยกระดับการแพทย์และสาธารณสุข เช่น จีโนมิกส์ไทยแลนด์ ARDA นวัตกรรมคัดกรองภาวะเบาหวานเข้าจอตา การผ่าตัดสามมิติ ฟื้นฟูขากรรไกร-ใบหน้าในผู้ป่วยมะเร็งช่องปาก นวัตกรรมสู่สิทธิประโยชน์ เช่น แผ่นปิดกะโหลกศีรษะไทเทเนียม การตรวจยีนมะเร็งเต้านม นวัตกรรมขับเคลื่อนการพัฒนา เช่น วิทยาศาสตร์กับชุมชน เฝ้าระวังผลกระทบมลพิษ นวัตกรรมเพื่อกลุ่มเปราะบาง เช่น AI เฝ้าระวังความปลอดภัยผู้สูงวัยที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อการขับเคลื่อนสู่การใช้ประโยชน์และนำเสนอต่อผู้กำหนดนโยบาย เครือข่ายนักวิจัย บุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน เพื่อต่อยอดการใช้ประโยชน์ต่อไป
นายเดชอิศม์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าระบบสุขภาพที่กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ทั้งการเพิ่มขึ้นของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การระบาดของโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีดิจิทัล ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบต่อระบบสุขภาพไทยในทุกมิติ การนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพ
จึงเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และถือเป็นจุดคานงัดที่สำคัญของระบบสุขภาพไทย โดยนวัตกรรมที่นำมาใช้นั้นต้องเกิดจากการวิจัยที่มีคุณภาพ และสามารถขยายผลนำไปใช้ได้จริง
“ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพของ สวรส. จะนำไปสู่การพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยที่ขับเคลื่อนไปสู่การเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัญหาหรือวิกฤตต่างๆ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ การพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ ฯลฯ” นายเดชอิศม์ กล่าว
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน สวรส. ตระหนักถึงการขับเคลื่อนงานวิจัยไปสู่การพัฒนาและแก้ปัญหาระบบสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำนวัตกรรมจากงานวิจัยเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา ตลอดจนยกระดับทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่าย และความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ ผ่านการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบาย โดยความร่วมมือของเครือข่าย ภาคีการพัฒนาต่างๆ ซึ่งงานประชุมวิชาการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสำคัญดังกล่าว
ทั้งนี้ในการเสวนา “นวัตกรรมระบบสุขภาพไทยกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต” ได้มีการร่วมพูดคุยถึงความท้าทายและอนาคตของระบบสุขภาพ กับการนำนวัตกรรมไปสู่การใช้งานจริง และตอบโจทย์บริบทของประเทศ
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า นวัตกรรมไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือยาใหม่ๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วนวัตกรรมยังเป็นได้ทั้งในแง่ของกระบวนการขั้นตอน ระบบบริการ หรือการบริหารจัดการ ซึ่งนวัตกรรมในระบบสุขภาพ ขณะนี้มีอยู่หลายอย่าง เช่น ระบบ Telemedicine การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ Health Application ต่างๆ อย่างเช่นหมอพร้อม เป๋าตัง ระบบ AI หรือ Big Data ที่เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ วินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ฯลฯ นวัตกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สามารถสนองตอบการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลก แต่การพัฒนานวัตกรรมของไทยยังมีความท้าทายอยู่มาก โดยเฉพาะในเรื่องของงบประมาณกับการบริหารจัดการ ซึ่งปัจจุบันไทยใช้งบประมาณไปกับการวิจัยทั้งประเทศเพียงประมาณ 1.1% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าน้อยมาก กับอีกส่วนที่กังวลคือ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก อาจเกิดการนำสิ่งที่เรียกว่า Hi-Tech มาใช้ในระบบสุขภาพมากเกินไป จึงไม่อยากให้ละเลยในส่วนของ Hi-Touch ที่จะต้องดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ไปพร้อมกันด้วย
ขณะที่ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การพิจารณาใช้นวัตกรรม อาจมองแยกออกได้เป็นทางสองแพร่ง ทางแรกคือการใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีขั้นสูง หรือ “Deep Technology” ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความก้าวหน้าและมีราคาแพง แต่เอามาใช้ในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง จึงมักมีคำถามในแง่ของความคุ้มค่า แต่ สปสช. มีความพยายามในการนำเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น การใช้ AI คัดกรองฟิล์มเอกซเรย์ การตรวจยีนกลายพันธุ์ การรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตอน รวมถึงยาใหม่หรือยาราคาแพงต่างๆ ฯลฯ โดยในอีกทางหนึ่งคือ “Disruptive Innovation” ซึ่งเป็นนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาแทนที่สิ่งที่มีราคาแพง โดยอาจเป็นบริการหรือระบบที่สามารถช่วยให้ค่าใช้จ่ายลดลง เช่น ชุดตรวจ ATK หรือ Self-Test ต่างๆ ที่ให้ประชาชนเป็นผู้ตรวจด้วยตนเอง หรือการใช้คลินิกนวัตกรรมร้านยา ที่ช่วยให้การรักษาในโรคเดียวกันมีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ซึ่งสองส่วนนี้อาจเรียกว่าเป็นทางสองแพร่งที่ทำให้เราต้องเลือกว่าจะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือนวัตกรรมที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายลดลง
“ถามว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร เราคงต้องเอาทั้งหมด เพียงแต่ในภาวการณ์ที่มีงบประมาณจำกัด เราจะจัดการอย่างไร ส่วนหนึ่งอาจนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เข้าถึงคนได้จำนวนมาก เช่น การใช้นวัตกรรมในบริการระดับปฐมภูมิ ควรใช้นวัตกรรมที่มีราคาไม่สูง ส่วนที่เป็นบริการราคาแพง แต่ช่วยให้คนจำนวนหนึ่งสามารถเข้าถึงการรักษาได้ ยังจำเป็นต้องมีเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม” นพ.จเด็จ กล่าว
ด้าน นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าโจทย์ของระบบสุขภาพไทยในอนาคตจะต้องเป็นการออกแบบในลักษณะ Future-Proof Health Systems ที่สามารถปรับใช้นวัตกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้การที่ระบบสุขภาพไทยจะสามารถพัฒนานวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องอาศัยระบบนิเวศที่ดี ซึ่งหลักการสำคัญคือการเกิดธรรมาภิบาล โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพให้เกิดความเป็นอิสระในระบบ ไม่ใช่การรวมศูนย์อำนาจ แต่ต้องกระจายอำนาจที่เอื้อให้ระบบกลไกต่างๆ สามารถขับเคลื่อนไปได้ ตัวอย่างเช่นหากประเทศไทยขับเคลื่อนระบบสุขภาพโดยโรงพยาบาลใหญ่อย่างเดียว แต่ไม่มีสถานีอนามัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ก็คงจะเดินมาไม่ถึงวันนี้
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้